มีสูตรลดน้ำหนักอยู่เต็มไปหมด แต่มีกฎอยู่ 5 ข้อที่สำคัญที่คุณต้องทำให้ได้ส่วนที่เหลือเป็นแค่เรื่องปลีกย่อย ถ้าอยากมีหุ่นที่ดีมีไขมันสะสมน้อยคุณควรทำให้ได้ทุกข้อ ซึ่งแต่ละข้อไม่ใช่เรื่องยากอะไร กฎบางข้อคุณก็ทำมันเป็นประจำอยู่แล้ว
กฎข้อที่ 1: ใช้พลังงานให้มากกว่าที่กินเข้าไป
ความเข้าใจง่ายๆ ในการลดน้ำหนักคือ ถ้าคุณใช้พลังงานให้มากกว่าที่กินเข้าไป น้ำหนักคุณจะลดลงแน่นอน แต่ปัญหาคือคุณจะกำหนดตัวเลขพวกนั้นอย่างไรว่าคุณทานไปกี่แคลอรี่ หรือใช้ไปกี่แคลอรี่ สำหรับการคำนวณว่าคุณได้รับพลังงานเข้ามากี่แคลอรี่นั้น สามารถทำได้โดยการจดบันทึกอาหารที่คุณทานและหาข้อมูลว่าสิ่งที่คุณทานเข้าไปแต่ละอย่างให้พลังงานกี่แคลอรี่ ซึ่งคุณสามารถค้าหาพลังงานของอาหารเหล่านั้นได้จากเว็บไซต์ FIT-D และในส่วนของพลังงานที่ใช้คุณสามารถคำนวณได้จากบทความต่อไปนี้
ควรทานกี่แคลอรี่เพื่อลดน้ำหนัก
วิธีคำนวณการเผาผลาญพลังงาน (calorie burn)
เมื่อคุณสามารถกำหนดจำนวนแคลอรี่ที่ทานต่อวันได้แล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่การแบ่งสัดส่วนของโปรตีน, คาร์บ, และไขมัน ซึ่งจะกล่าวต่อไป และสิ่งที่สำคุญที่สุดคือวินัยของตัวคุณเอง
กฎข้อที่ 2: ทานโปรตีนให้มากขึ้น
ในอาหารที่คุณทานเข้าไปทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดไขมันคือโปรตีน เหตุผลอย่างแรกคือโปรตีนทำให้คุณรู้สึกอิ่มซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้คุณทานมากเกินไปและทานขนมที่ไม่จำเป็น อย่างที่สองโปรตีนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานต่อวันได้มากขึ้น เพราะว่าโปรตีนใช้พลังงานในการย่อยมากกว่าคาร์บและไขมัน อย่างที่สาม เมื่อคุณทานโปรตีนควบคู่กับการเวท การทานโปรตีนในปริมาณที่สูงจะช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นทันทีที่คุณลดพลังงานที่ทานเข้าไป และโปรจีนยังช่วยให้กล้ามเนื้อเติบโตได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ทานโปรตีนอย่างน้อยหนึ่งกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งปอนด์และพยายามเลือกทานโปรตีนจากแหล่งอาหารที่ดียกตัวอย่างเช่น เนื้อที่ไม่ติดมัน เช่น เนื้ออกไก่, ไข่, ปลา, และเวย์โปรตีนที่มีคุณภาพ
(เพิ่มเติม: 5 อาหารเสริมที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชาย)
กฎข้อที่ 3: อย่ากลัวไขมัน
หลายคนไม่ยอมทานไขมันเลยเพราะกลัวว่ามันจะไปสะสมที่รอบเอว แต่จริงๆ แล้วยังมีไขมันดีที่มีประโยชน์มากในการลดน้ำหนักอย่างเช่น ถั่ว, น้ำมันมะกอก, น้ำมันคาโนลา, และอะโวคาโด ซึ่งช่วยลดความอยากอาหารและรักษาระดับการผลิตของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในเพศชาย การที่ได้รับไขมันไม่เพียงพอจะทำให้ผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักของคุณแย่ลง
ควรทานไขมันดีมากขึ้นและลดปริมาณของคาร์บ ซึ่งคาร์บจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและเพิ่มระดับของอินซูลิน เป็นตัวการที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน ควรทานไขมันดีอย่างน้อย 25% ของพลังงานที่รับต่อวันทั้งหมด และพยายามหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เช่น น้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งเป็นตัวเชื่อมโยงให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ
"หลังจากที่คุณได้ตัวเลขพลังงานเผาผลาญต่อวันแล้ว ให้คุณกำหนดปริมาณโปรตีนหนึ่งกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งปอนด์ (โปรตีน 1 กรัมให้พลังงาน 4 Cal) ตามด้วยไขมันจำนวน 25% ของพลังงานเผาผลาญต่อวัน (ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 Cal) ส่วนของพลังงานที่เหลือให้เป็นส่วนของคาร์บ (คาร์บ 1 กรัมให้พลังงาน 4 Cal)"
(เพิ่มเติม: แหล่งอาหาร 6 อย่างของไขมันที่ดีต่อสุขภาพ)
กฎข้อที่ 4: เพิ่มความแข็งแกร่ง
หลายคนยังคงคิดว่ากุญแจสำคัญในการลดไขมันคือการคาร์ดิโอ และในขณะที่การคาร์ดิโอสามารถช่วยเบิร์นไขมันได้เพียงไม่มาก อีกทั้งยังไม่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ชั้นไขมันของคุณด้วย แต่ไม่ได้หมายถึงให้คุณเลิกทำคาร์ดิโอ แต่ควรแบ่งสัดส่วนการออกกำลังกายมาเป็นการยกเวทบ้าง การทำคาร์ดิโอมากเกินไปสามารถทำให้เกิดอาการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและทำให้คุณอ่อนแอได้
แม้ว่าเป้าหมายของคุณคืออยากมีขนาดของร่างกายที่เล็กลง คุณก็ยังจำเป็นต้องยกเวทเพิ่มสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การยกเวทจะช่วยให้คุณสามารถรักษาและเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อได้ และยังช่วยทำให้รูปร่างของคุณดูดีขึ้นอีกด้วย ในแต่ละสัปดาห์ควรฝึกท่าออกกำลังกายที่ใช้มัดกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น ท่า squat, deadlifts, และท่า presses ต่างๆ ประมาณ 4-8 ครั้ง
(เพิ่มเติม: 10 วิธีสร้างกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว)
กฎข้อที่ 5: นอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อคืน
การอดนอนจะทำให้ระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน ในการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น มีอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการกว่า 6,000 คน จากการวิจัยพบว่า ผู้ชายที่นอนน้อยกว่ามีความสัมพันธ์กับระดับของ BMI ที่สูงกว่า และมีรอบเอวขนาดใหญ่กว่า อีกทั้งการอดนอนยังทำให้การหลั่งของโกรทฮอร์โมนลดลงอีกด้วย
ควรนอนหลับโดยไม่มีอะไรมารบกวนอย่างน้อยเจ็ดชั่วโมงทุกๆ คืน ถ้าคุณมีปัญหาในการนอนหลับควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังมื้อเที่ยง, จำกัดปริมาณของแอลกอฮอล์ที่ดื่ม, และปรับเตียงและห้องให้เหมาะแก่การนอนหลับ
(เพิ่มเติม: การอดนอนอาจเป็นสาเหตุทำให้คุณทานอาหารขยะมากขึ้น)
ที่มา: MensFitness
กฎข้อที่ 1: ใช้พลังงานให้มากกว่าที่กินเข้าไป
ความเข้าใจง่ายๆ ในการลดน้ำหนักคือ ถ้าคุณใช้พลังงานให้มากกว่าที่กินเข้าไป น้ำหนักคุณจะลดลงแน่นอน แต่ปัญหาคือคุณจะกำหนดตัวเลขพวกนั้นอย่างไรว่าคุณทานไปกี่แคลอรี่ หรือใช้ไปกี่แคลอรี่ สำหรับการคำนวณว่าคุณได้รับพลังงานเข้ามากี่แคลอรี่นั้น สามารถทำได้โดยการจดบันทึกอาหารที่คุณทานและหาข้อมูลว่าสิ่งที่คุณทานเข้าไปแต่ละอย่างให้พลังงานกี่แคลอรี่ ซึ่งคุณสามารถค้าหาพลังงานของอาหารเหล่านั้นได้จากเว็บไซต์ FIT-D และในส่วนของพลังงานที่ใช้คุณสามารถคำนวณได้จากบทความต่อไปนี้
ควรทานกี่แคลอรี่เพื่อลดน้ำหนัก
วิธีคำนวณการเผาผลาญพลังงาน (calorie burn)
เมื่อคุณสามารถกำหนดจำนวนแคลอรี่ที่ทานต่อวันได้แล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่การแบ่งสัดส่วนของโปรตีน, คาร์บ, และไขมัน ซึ่งจะกล่าวต่อไป และสิ่งที่สำคุญที่สุดคือวินัยของตัวคุณเอง
ในอาหารที่คุณทานเข้าไปทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลดไขมันคือโปรตีน เหตุผลอย่างแรกคือโปรตีนทำให้คุณรู้สึกอิ่มซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้คุณทานมากเกินไปและทานขนมที่ไม่จำเป็น อย่างที่สองโปรตีนช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานต่อวันได้มากขึ้น เพราะว่าโปรตีนใช้พลังงานในการย่อยมากกว่าคาร์บและไขมัน อย่างที่สาม เมื่อคุณทานโปรตีนควบคู่กับการเวท การทานโปรตีนในปริมาณที่สูงจะช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นทันทีที่คุณลดพลังงานที่ทานเข้าไป และโปรจีนยังช่วยให้กล้ามเนื้อเติบโตได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ทานโปรตีนอย่างน้อยหนึ่งกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งปอนด์และพยายามเลือกทานโปรตีนจากแหล่งอาหารที่ดียกตัวอย่างเช่น เนื้อที่ไม่ติดมัน เช่น เนื้ออกไก่, ไข่, ปลา, และเวย์โปรตีนที่มีคุณภาพ
(เพิ่มเติม: 5 อาหารเสริมที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชาย)
หลายคนไม่ยอมทานไขมันเลยเพราะกลัวว่ามันจะไปสะสมที่รอบเอว แต่จริงๆ แล้วยังมีไขมันดีที่มีประโยชน์มากในการลดน้ำหนักอย่างเช่น ถั่ว, น้ำมันมะกอก, น้ำมันคาโนลา, และอะโวคาโด ซึ่งช่วยลดความอยากอาหารและรักษาระดับการผลิตของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในเพศชาย การที่ได้รับไขมันไม่เพียงพอจะทำให้ผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักของคุณแย่ลง
ควรทานไขมันดีมากขึ้นและลดปริมาณของคาร์บ ซึ่งคาร์บจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและเพิ่มระดับของอินซูลิน เป็นตัวการที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน ควรทานไขมันดีอย่างน้อย 25% ของพลังงานที่รับต่อวันทั้งหมด และพยายามหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เช่น น้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งเป็นตัวเชื่อมโยงให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ
"หลังจากที่คุณได้ตัวเลขพลังงานเผาผลาญต่อวันแล้ว ให้คุณกำหนดปริมาณโปรตีนหนึ่งกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งปอนด์ (โปรตีน 1 กรัมให้พลังงาน 4 Cal) ตามด้วยไขมันจำนวน 25% ของพลังงานเผาผลาญต่อวัน (ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 Cal) ส่วนของพลังงานที่เหลือให้เป็นส่วนของคาร์บ (คาร์บ 1 กรัมให้พลังงาน 4 Cal)"
(เพิ่มเติม: แหล่งอาหาร 6 อย่างของไขมันที่ดีต่อสุขภาพ)
กฎข้อที่ 4: เพิ่มความแข็งแกร่ง
หลายคนยังคงคิดว่ากุญแจสำคัญในการลดไขมันคือการคาร์ดิโอ และในขณะที่การคาร์ดิโอสามารถช่วยเบิร์นไขมันได้เพียงไม่มาก อีกทั้งยังไม่ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ชั้นไขมันของคุณด้วย แต่ไม่ได้หมายถึงให้คุณเลิกทำคาร์ดิโอ แต่ควรแบ่งสัดส่วนการออกกำลังกายมาเป็นการยกเวทบ้าง การทำคาร์ดิโอมากเกินไปสามารถทำให้เกิดอาการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและทำให้คุณอ่อนแอได้
แม้ว่าเป้าหมายของคุณคืออยากมีขนาดของร่างกายที่เล็กลง คุณก็ยังจำเป็นต้องยกเวทเพิ่มสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การยกเวทจะช่วยให้คุณสามารถรักษาและเพิ่มมวลของกล้ามเนื้อได้ และยังช่วยทำให้รูปร่างของคุณดูดีขึ้นอีกด้วย ในแต่ละสัปดาห์ควรฝึกท่าออกกำลังกายที่ใช้มัดกล้ามเนื้อใหญ่ เช่น ท่า squat, deadlifts, และท่า presses ต่างๆ ประมาณ 4-8 ครั้ง
(เพิ่มเติม: 10 วิธีสร้างกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็ว)
กฎข้อที่ 5: นอนให้ได้อย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อคืน
การอดนอนจะทำให้ระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมัน ในการศึกษาของประเทศญี่ปุ่น มีอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการกว่า 6,000 คน จากการวิจัยพบว่า ผู้ชายที่นอนน้อยกว่ามีความสัมพันธ์กับระดับของ BMI ที่สูงกว่า และมีรอบเอวขนาดใหญ่กว่า อีกทั้งการอดนอนยังทำให้การหลั่งของโกรทฮอร์โมนลดลงอีกด้วย
ควรนอนหลับโดยไม่มีอะไรมารบกวนอย่างน้อยเจ็ดชั่วโมงทุกๆ คืน ถ้าคุณมีปัญหาในการนอนหลับควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังมื้อเที่ยง, จำกัดปริมาณของแอลกอฮอล์ที่ดื่ม, และปรับเตียงและห้องให้เหมาะแก่การนอนหลับ
(เพิ่มเติม: การอดนอนอาจเป็นสาเหตุทำให้คุณทานอาหารขยะมากขึ้น)
ที่มา: MensFitness
thanks your sharing, very helpful
ตอบลบhow to lose arm fat
how to get rid of arm fat
how to lose face fat
how to get rid of man boobs
before and after weight loss