ควรยืดกล้ามเนื้อนานเท่าไรและบ่อยแค่ไหน และการยืดกล้ามเนื้อสำคัญอย่างไร?

การยืดกล้ามเนื้อเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำหลังออกกำลังกาย แต่คุณไม่ควรยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกาย โดยให้แทนที่การยืดกล้ามเนื้อด้วยการทำคาร์ดิโอ (cardio) ประมาณ 5 ถึง 10 นาทีหรืออาจเดินบนลู่วิ่งสักประมาณ 10 นาที เพราะการยืดกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายจะลดความเข้มข้นในการหดตัวของกล้ามเนื้อคุณ ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อคุณบาดเจ็บได้ง่าย และออกแรงได้ไม่เต็มที่ ส่วนการยืดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกายจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดเพราะจะช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย อีกทั้งยังช่วยเรื่องระบบไหลเวียนในร่างกายให้ดีขึ้น และช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น

ข้อแนะนำสำหรับการยืดเส้นทั่วไป

สิ่งที่ควรทำ
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การที่ร่างกายของคุณกักเก็บน้ำไว้ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการออกกำลังกายทุกแบบ การดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะก่อนออกกำลังกายจะช่วยให้กล้ามเนื้อคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเพิ่มผลประโยชน์ของการยืดกล้ามเนื้อ

2. อย่าลืมหายใจ ในขณะที่คุณกำลังยืดกล้ามเนื้อ อย่าลืมว่าคุณควรหายใจช้าๆ เรียบๆ ซึ่งจะช่วยให้ออกซิเจนไหลผ่านไปสู่กล้ามเนื้อได้สะดวกขึ้น

3. ค่อยๆ ยืดอย่างช้าๆ ในการยืดแต่ละครั้งควรข้างไว้อย่างน้อย 30 วินาที และควรยืดกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายแม้ในวันที่ไม่ได้ออกแรงส่วนนั้นก็ตาม ซึ่งคุณควรจะยืดทั้ง ขา, แขน, หลัง, คอ, ท้อง, หน้าอก และส่วนต่างๆ ที่เหลือ

4. รักษาท่าทางที่ถูกต้องไว้ ให้มั่นใจว่าหลังของคุณยังตรงอยู่ในขณะที่คุณกำลังยืดกล้ามเนื้อ ไม่งั้นคุณจะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลัง

สิ่งที่ไม่ควรทำ
1.อย่ากระชาก ค่อยๆ ยิดกล้ามเนื้อเบาๆ ช้าๆ การกระชากจะทำให้กล้ามเนื้อและข้อต่อของคุณตึงเครียดจนเกินไป ซึ่งไม่ทำให้การยืดกล้ามเนื้อของคุณดีขึ้นแน่นอน

2. อย่ายืดเกิน การฝืนและยืดเกินกว่าร่างกายคุณจะไปไหว ซึ่งจะไม่เป็นผลดีกับตัวคุณ

3. อย่ายืดเลยข้อต่อ การที่ยืดเลยตําแหนงปกติของข้อต่อจะทำให้คุณบาดเจ็บ และไม่ช่วยอะไรคุณเลย

4. ถ้าเจ็บ อย่าทำต่อ คุณควรจะฟังร่างกายของคุณ ถ้าคุณยืดกล้ามเนื้อในท่าทางที่ถูกต้อง คุณจะรู้สึกถึงความตึงในกล้ามเนื้อของคุณ และบางทีคุณอาจจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่ถ้าคุณเริ่มรู้สึกเจ็บแบบจริงๆ ในระหว่างที่ยืดกล้ามเนื้อหรือออกกำลังกายอยู่ คุณควรหยุดทันที เพราะว่ามันอาจส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณ และคุณควรไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับออกกำลังกายเพื่อขอคำแนะนำจากพวกเขา

ที่มา: everydayhealth